ในหัวของคุณมี…ที่พร้อมระเบิดอยู่ทุกเมื่อ ภาคต่อหลังจากได้ใบส่งตัวมายังโรงพยาบาลใหญ่

หลังจากได้ใบส่งตัวมาแล้ว เราก็ไปหาหมอในเช้าวันถัดไป แต่หมอไม่ได้มาออกตรวจเพราะติดภารกิจ โอเค ไม่เป็นไร พรุ่งนี้มาใหม่ แล้วเราก็ได้พบคุณหมอผมขาวมีอายุท่านหนึ่ง คุณหมอเริ่มด้วยตรวจการมองเห็นแบบเดียวกับคุณหมอคนก่อนทำ และแน่นอนว่าเราไม่สามารถเอานิ้วตัวเองไปแตะนิ้วหมอได้ แถมระยะห่างมันมากกว่าเดิมเสียอีก คุณหมอจึงส่งไปตรวจเลือดและส่งไปจองคิว CT scan โดยไม่พูดอะไรต่อ  

CT Scan คืออะไร

CT Scan Computer
(ภาพประกอบจาห canva.com

CT Scan (ซีทีสแกน หรือ Computerized Tomography Scan) คือ การเอกซเรย์ประเภทหนึ่ง ตัวเครื่องเป็นเหมือนอุโมงค์ ที่จะปล่อยรังสีเอกซเรย์พร้อมกับหมุนวนรอบอวัยวะที่ต้องการตรวสอบ แล้วสร้างภาพสามมิติความละเอียดสูงขึ้นมา ใช้ในการวินิจฉัยความผิดปกติของอวัยวะภายใน เช่น การบาดเจ็บหรือเลือดออกของอวัยวะภายใน การแตกหักของกระดูก หรือตรวจสอบตำแหน่งและขนาดของเนื้องอก 

เมื่อถึงวันนัด CT Scan อาการของเราก็แย่ลง นอกจากสายตาที่ทำให้การเดินแย่ลงแล้ว ฉันยังปวดหัวตุบ ๆ และอาเจียนอีก นั่นเป็นเพราะคืนก่อนหน้านี้เราใช้สายตาจ้องอ่านหนังสือไปหลายหน้า ซึ่งถือว่าใช้งานสมองและสายตาค่อนข้างหนัก

เราอาเจียนไปสามรอบ ตอนคืนก่อนไป CT Scan เช้าตอนนั่งรถไปโรงพยาบาล และหลังจาก CT Scan เรียบร้อยแล้ว จัดเต็มขนาดนี้ เจ้าอาการป่วยคงอยากแสดงตัวเต็มที่แล้วละ การ CT scan ใช้เวลาไม่นาน ฉีดยา รอ สแกน รอดูว่าแพ้มั้ย แล้วก็กลับบ้าน ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมงถึงอยู่กับปริมาณคนไข้ 

เดี๋ยวเราจะเขียนเล่าประสบการณ์ CT scan แบบละเอียดอีกครั้งนะคะ  

ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก

คุณคิดว่าโรงพยาบาลรัฐใช้เวลาดำเนินการนานแค่ไหนกัน

เราไป CT Scan วันที่ 8 ธันวาฯ 2024 แล้วที่ 10 เวลาประมาณ 5 โมงเย็นก็มีสายจากโรงพยาบาลโทรเข้ามาตามตัวให้ไปแอดมิน ต้องเข้ามาวันนี้และต้องมีญาติมาส่งด้วย รวดเร็วกว่าที่คิดใช่มั้ยล่ะ ตอนนั้นยังไม่มีการบอกว่าเราเป็นอะไร เพียงแค่กำชับให้รีบมาในวันนี้ ไม่ว่าจะกี่โมงก็ตาม 

ถ้าถามว่าตกใจมั้ยที่ต้องเข้าแอดมิตด่วน ก็ตอบตรง ๆ เลยว่าสติแตกเลยแหละ ถึงขั้นถามคุณพยาบาลว่า มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ ช่วยปลอบใจหน่อยได้มั้ยคะ 

เวลา 1 ทุ่มนิด ๆ เราก็มาอยู่หน้าห้องฉุกเฉินตามที่คุณพยาบาลบอก เมื่อโทรกลับไปบอกว่ามันถึงแล้ว ไม่นานก็มีคุณหมอสองคนลงมาสอบประวัติการป่วย เพิ่งมารู้ทีหลังว่าทั้งสองคนเป็นนักศึกษาแพทย์ปี 6 ที่มาเรียนรู้งานจริงที่โรงพยาบาล ใช่แล้วค่ะ โรงพยาบาลนี้เป็นโรงเรียนนักศึกษาแพทย์ด้วย

สิ่งที่นักศึกษาแพทย์สนใจมากที่สุดก็คือไอ้ก้อนแข็ง ๆ ตรงไหปลาร้า เพราะตอนนี้มันบวมเป่ง เพิ่งมารู้ทีหลังว่าตรงนั้นมันคือต่อมน้ำเหลือง คุณนักศึกษาลองจับและทวนกันว่ามันเรียกว่าอะไรด้วยคำศัพท์ที่เราไม่รู้จัก  

นักศึกษาแพทย์สอบถามข้อมูลประวัติส่วนตัว อาการป่วย และยาที่กินอยู่ซึ่งเราพกติดมาด้วยทั้งกระเป๋า แล้ว ก็ถึงเวลาส่งตัวเข้าวอร์ดไปเป็นผู้ป่วยใน แต่ก่อนจะเข้าห้อง เจ้าหน้าที่ได้พาเราไปเอกซเรย์ปอดก่อน เข็นเปลนั่งกันไปเลย ไม่ต้องเดินเองแล้ว  

เข้าวอร์ดผู้ป่วยใน แผนกศัลยกรรมประสาทและสมอง 

เวลาประมาณสองทุ่มกว่า เมื่อเปิดประตูเข้าไปในวอร์ดก็เห็นว่าไฟปิดแล้ว ทุกคนนอนกันแล้ว เราก็ได้แต่ขยับตัวอย่างเงียบเชียบ เดินไปยังเตียงที่คุณพยาบาลจัดไว้ให้ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดผู้ป่วยใน พร้อมติดป้ายชื่อเอาไว้ที่ข้อมือ โดนเจาะเลือกไปตรวจ ซึ่งผลออกมาว่าอะไรสักอย่างต่ำ (จำไม่ได้อ่า) ต้องดื่มยาน้ำเค็ม ๆ ปะแล่ม ๆ หนึ่งแก้วเป๊ก เรากลั้นใจยกกระดกทีเดียวจบ พร้อมตามด้วยน้ำเปล่าแก้วโต ปะแล่มจัดจนน้ำตาจะไหล

ส่วนพี่ที่มาส่งได้รับมอบหมายให้ไปซื้อของใช้จำเป็นให้ผู้ป่วย คือ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ครีมอาบน้ำ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือรองเท้าแตะ 

หากคุณไม่เคยเข้าโรงพยาบาลรัฐมาก่อน ขอให้รู้ไว้เลยว่าต้องเตรียมของเหล่านี้มาด้วย ซึ่งที่บ้านเราเนี่ยมี อุปกรณ์สำหรับเดินทางเยอะมากจนเสียดายที่ไม่ได้หยิบติดมาด้วย ก็สติแตกอะนะ หยิบอะไรมาบ้างก็ไม่รู้ 

เรื่องชีวิตในวอร์ดผู้ป่วยในนี่ยาวมากบอกเลย เดี๋ยวมาเล่าแยกว่าเราเจออะไรบ้าง 

ในหัวของคุณมี…เนื้องอก

เมื่อเข้าแอดมิตเสร็จถึงได้รู้ว่าตัวเองมีเนื้องอกในสมอง ตอนได้รับข่าวนี้กลับนึกไม่ออกว่ามันอยู่ตรงไหน ขนาดเท่าไรกัน แต่คาดเดาเอาเองว่ามันต้องอยู่ตรงท้ายทอยด้านซ้ายแหง ๆ เพราะวันที่มา CT scan และอาเจียน ศีรษะบริเวณนั้นมันปวดตุบ ๆ เสียเหลือเกิน และนั่นคืออาการแรงดันในสมองเพิ่มสูงขึ้น

คุณหมอสั่งให้ฉีดยาลดอาการสมองบวม แต่เราก็ยังไม่รู้เสียทีว่าจะได้ผ่าเอาเจ้าก้อนเนื้อเจ้าปัญหาออกไปเมื่อไหร่กัน 

ระหว่างนี้ก็มีนักศึกษาแพทย์ปี 6 มาแวะเวียนของเก็บเคส หรือก็คือเก็บข้อมูลอาการป่วยของคนไข้ที่เข้ามาใหม่ น้อง ๆ มากันแบบยกทีม ซึ่งการได้คุยกับน้อง ๆ ทำให้สนุกไม่เบื่อดี  

ข้อมูลที่ให้ไปประกอบด้วย เกิดอะไรขึ้นตั้งแต่แรก การเจ็บกล้ามเนื้อ การอาเจียน และยาที่หมอจ่ายให้ ซึ่งเราบันทึกวันไปหาหมอไว้ใน Google Calendat และยังพกกระเป๋าใส่ยามาด้วย ข้อมูลจึงแน่น ลำดับเวลาเรียงถูกต้อง 

นอกเหนือจากเฝ้ารอที่จะได้รู้วันผ่าตัด อีกสิ่งที่เรารอก็คือ…คุณหมอเจ้าของไข้ เราไม่เห็นคุณลุงหมอผมขาวเลย พอถามคุณพยาบาลว่าหมอเจ้าของไข้คือคุณลุงผมขาวใช่มั้ย เราไม่เคยเห็นเขามาเลย 

คุณพยาบาลก็ทำหน้างงใส่แล้วบอกว่า ไม่ใช่นะ หมอเจ้าของไข้ของเธอยังหนุ่มอยู่เลย ผมไม่ขาว แล้วเขาก็เดินไปเดินมาอยู่แถวนี้แหละ 

ถ้าเขาไม่ใช่คุณหมอผมขาว แล้วเขาคือใคร หมอที่เห็นทุกวันนี้คือหมอเรซิเดนต์หรือหมอประจำบ้าน ซึ่งจะคอยรายงานอาการของเราให้กับหมอเจ้าของไข้ คุณหมอเรซิเดนต์จะตรวจตามวอร์ดทุกวัน หากเราต้องการอะไรก็บอกหมอได้เลย 

แต่เราก็ไม่ต้องรอนาน เพราะเย็นวันถัดมาระหว่างที่เปิดคอมดูซีรีส์อยู่ (ให้เพื่อนเอาคอมพร้อมหูฟังมาให้ทีหลัง) ก็มีชายปริศนาคนหนึ่งเดินเข้ามาหยุดที่ข้างเตียงแล้วถามว่า ‘ใช่คนที่มองไม่เห็นหรือเปล่า’

เราก็หันไปตอบอย่างมั่นใจว่า ‘ไม่นะคะ มองเห็นทั้งสองข้างค่ะ แต่ข้างซ้ายมันเบลอ ๆ ไม่ค่อยชัด’ 

แล้วเขาก็หันหลังกลับ เดินไปสามก้าว แล้วก็เดินกลับมาใหม่อีก ‘ใช่คนที่ถูกโทรตามเพราะ CT scan หรือเปล่า’

เราก็ตอบไปว่า ‘อ๋อ ใช่ค่ะ’ 

แล้วเขาก็เดินจากไป จบ

บุคคลปริศนายังแวะมาอีกในวันถัดไป เขาคุยกับหมอเรซิเดนต์อยู่ตรงโต๊ะคอมพิวเตอร์ซึ่งอยู่ติดโถงทางเดิน ทั้งคู่ชี้ที่เราไปมา พูดถึงเราอยู่แน่ ๆ 

เราผู้ซึ่งเดินมาตามโถงทางเดินหลังกลับจากห้องน้ำก็เดินเบี่ยงไปให้ห่างจากพวกเขาที่สุด ก็เขาคุยกันอยู่ ไม่อยากเสียมารยาทแอบฟัง ไม่ได้กลัวอะไรสักหน่อย   

แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า ‘จะไปไหน ห้ามกลับนะ มันอันตราย อยู่ที่นี่แหละปลอดภัยกว่า’ 

เราก็ได้แต่หันไปทำหน้างง ๆ ใส่แล้วเดินกลับเตียงไป ไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไรกัน จนกระทั่งเมื่อมาเห็นไฟล์ภาพ CT Scan นั่นแหละถึงรู้ว่าเนื้องอกขนาดประมาณ 3×3 เซนติเมตรอยู่ในหัวด้านหลัง เหนือท้ายทอยเล็กน้อย มันเบียดแน่นไปหมด ดูพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อเขียวละ

อะ ๆ แอบเอารูปให้ดูนิดหนึ่ง เห็นก้อน ๆ ตรงนั้นมั้ย ที่วงสีแดง ๆ ไว้นั่นแหละ ภาพมันจะกลับด้านซ้ายขวา (Mirror) ก้อนเนื้ออยู่ด้านซ้าย อันนี้น่าจะเป็นมุมมองจากด้านหลัง เอ๊ะ…จะว่าไป ภาพนี้พิสูจน์แล้วนะคะว่าดิฉันมีสมองค่ะ ฮา ๆ 

หลายคนคงเดาได้แล้วว่าบุคคลปริศนาก็คือ…คุณหมอเจ้าของไข้ของเราเอง ซึ่งจริง ๆ แล้วเราเห็นเขาหลายวันแล้ว แต่แค่ไม่รู้ว่าคือใคร มารู้เพราะ Google ชื่อหมอที่แปะอยู่หัวเตียง เพราะความตงิด ๆ ใจ ขอโทษนะคะที่ตอบเหมือนกวน แต่ไม่ได้กวนจริง ๆ ค่ะ  

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมไม่เคยเจอหมอเจ้าของไข้ของตัวเอง คือคุณหมอทำงานเยอะมาก และวันที่เราไปตรวจครั้งแรกเพื่อส่งไป CT Scan คุณหมอติดภารกิจไม่ได้เข้าตรวจ OPD เป็นคุณหมมอท่านอื่นมาแทน 

คุณหมอมาราววอร์ด มาเช็กอาการกับคุณหมอประจำบ้าน เดินผ่านไปมาหลายรอบแล้ว แต่เราไม่รู้ว่าเขาคือใครเองค่ะ   

และการที่คุณหมอบอกว่าห้ามกลับบ้านนะ อยู่ที่นี่ปลอดภัยกว่า ก็เพราะว่าวันก่อนมีคนไข้ขอกลับบ้าน ไม่ยอมเข้าผ่าตัดพรุ่งนี้ แม้คนไข้ทุกคนและพยาบาลพยายามห้ามเท่าไรก็ตาม  

เธอให้เหตุผลว่ามานอนหลายวันแล้ว เกินโควตาวันลาแล้ว และเธอไม่สามารถหาคนมาทำงานแทนได้ ต้องกลับไปทำงานแล้ว สุดท้ายเธอก็กลับบ้านในค่ำวันนั้น และบอกว่าจะกลับมาใหม่ช่วงต้นปีหน้า ใช้สิทธิ์วันลาของปีหน้า 

สำหรับเราแล้ว เรื่องนี้สะเทือนใจมาก องค์กรที่ไม่ยอมให้พนักงานลางานเมื่อป่วยนี่มันแย่นะ แล้วนี่คือเนื้องอกในสมองที่เติบโตขึ้นได้ ยิ่งปล่อยไว้นานก็ยิ่งอัตราย การบีบบังคับแบบนี้ไม่โอเคจริง ๆ  

ถ้าเป็นเรา เราคงผ่าตัดให้เสร็จเรียบร้อย ต่อให้โดนไล่ออกก็เถอะ ชีวิตเรามีค่ามากกว่านั้น ถ้าเขาไล่เราออกล่ะก็ เจอกันที่กรมแรงงานแน่นอน! 

แต่อย่างว่า คนเราใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน มีความกลัวต่างกัน ต้นทุนไม่เท่ากัน ความกังวลในชีวิตไม่เท่ากัน เรคิดด้วยมุมมองของเราและตัดสินใจแทนคนอื่นไม่ได้หรอก 

สรุป…เป็นอะไรนะ

เอาละ กลับมาที่เรื่องของเราดีกว่า สรุปแล้วเรามีเนื้องอกในสมอง อยู่ใกล้ประสาทตาด้านซ้าย เบียดตาซ้ายจนเข และคงเบียดระบบประสาทการเคลื่อนไหวในช่วยสามเดือนก่อนด้วย ต้องได้รับการผ่าตัดเอาออกค่ะ 

มารอลุ้นกันว่าเราจะได้ผ่าตัดเมื่อไหร่ (ตอนเขียนคือผ่าแล้วนะทุกคน) และอาการจะเป็นยังไง แล้วแอดมิตในวอร์ดเป็นยังไงบ้าง เบื่อหรือกลัวมั้ย รอติดตามกันต่อน้า~  

ถ้ายังไม่ได้อ่านตอนแรก อ่านได้ที่นี่ค่ะ >> #1 ปวดตัว ขยับแล้วเจ็บอยู่เป็นเดือน เราเป็นอะไร <<

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

<a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <s> <strike> <strong>